20 ทริคเลือกบริษัทขนของยังไงไม่ให้โดนโกง
ช่วงนี้หลายคนต้องย้ายบ้าน ย้ายคอนโด หรือขนย้ายของชิ้นใหญ่ การจ้างรถรับจ้างขนของจึงเป็นทางเลือกอันดับหนึ่ง เพราะช่วยประหยัดแรง ประหยัดเวลา แต่ใช่ว่าทุกบริษัทจะซื่อสัตย์และให้บริการตามที่ตกลง หลายเคสที่เจอปัญหา เช่น โดนบวกค่าใช้จ่ายหน้างาน ของเสียหายแล้วปัดความรับผิดชอบ หรือหนักสุดคือหายทั้งของทั้งเงิน
ทำไมต้องเลือกบริษัทที่ไว้ใจได้?
การขนย้ายของ ไม่ใช่แค่เรื่องแรงงาน แต่เป็นเรื่องของความเชื่อใจ เพราะทรัพย์สินแต่ละชิ้นล้วนมีมูลค่า บางครั้งมีคุณค่าทางใจ หากเลือกผิด เสียทั้งเงิน เสียของ เสียเวลา และอารมณ์ความรู้สึก หนักสุดอาจต้องเริ่มต้นใหม่หมด เพราะฉะนั้น การเลือกบริษัทขนย้ายที่ไว้ใจได้ คือก้าวแรกสำคัญของการย้ายบ้านที่ราบรื่น
บทความนี้เรา “ต้นรักขนส่ง” ได้รวบรวม 20 ทริคง่ายๆ ที่จะช่วยให้คุณคัดกรองบริษัทขนของอย่างมั่นใจ ลดความเสี่ยงจากการโดนโกง ไม่ว่าคุณจะย้ายใกล้หรือไกล อ่านจบแล้วนำไปใช้ได้จริง ย้ายบ้านครั้งต่อไปไม่มีพลาดแน่นอน!

เช็กลิสต์ 20 ทริคเลือกบริษัทขนของยังไงไม่ให้โดนโกง
1. ตรวจสอบใบอนุญาตประกอบธุรกิจ
เลือกบริษัทที่มีใบอนุญาตประกอบธุรกิจชัดเจน มีที่ตั้งสำนักงานจริง สามารถตรวจสอบได้ ไม่ใช่แค่เพจหรือไลน์เพียงอย่างเดียวเท่านั้น
2. ค้นหารีวิวจากลูกค้าเก่าในหลายช่องทาง
อ่านรีวิวจากลูกค้าจริงใน Facebook, Google, หรือเว็บไซต์พันทิป ดูทั้งรีวิวดีและรีวิวแย่เพื่อเห็นภาพรวม
3. ขอใบเสนอราคา/สัญญาเป็นลายลักษณ์อักษร
อย่าพึ่งพาแค่การคุยไลน์หรือโทรศัพท์ ควรขอใบเสนอราคาหรือสัญญาเป็นเอกสาร เพื่อป้องกันปัญหาค่าใช้จ่ายบานปลาย
4. เปรียบเทียบราคากับหลายบริษัท
สอบถามราคาจากผู้ให้บริการอย่างน้อย 3 เจ้า เพื่อเปรียบเทียบทั้งรายละเอียดและราคาก่อนตัดสินใจ
5. ระบุรายละเอียดบริการที่ได้รับชัดเจน
ตกลงรายละเอียดให้ชัด เช่น มีแพ็คของไหม มีพนักงานยกกี่คน รถขนาดไหน ขนย้ายกี่เที่ยว
6. ตรวจสอบประกันความเสียหาย
สอบถามว่ามีประกันความเสียหายหรือไม่ หากมีให้ขอดูหลักฐานและเงื่อนไขให้ครบถ้วน
7. เลือกบริษัทที่มีที่อยู่/สำนักงานชัดเจน
บริษัทที่มีออฟฟิศหรือที่อยู่แน่นอน มักจะมีความรับผิดชอบมากกว่าบริษัทที่ยกขึ้นมาลอย ๆ
8. ตรวจสอบชื่อบริษัทในเว็บไซต์หรือกลุ่มโซเชียล
ค้นชื่อบริษัทใน Google หรือกลุ่ม Facebook เพื่อดูว่ามีประวัติเสีย หรือเคยมีปัญหากับลูกค้าหรือไม่
9. โทรสอบถามข้อมูลและวัดระดับบริการลูกค้า
ลองโทรไปสอบถามรายละเอียด ฟังน้ำเสียงและวิธีตอบคำถาม ถ้ารู้สึกลังเลหรือไม่มั่นใจ แนะนำให้ข้าม
10. ขอเอกสารยืนยันตัวตนพนักงาน (หากจำเป็น)
กรณีต้องขนของมีค่าหรือของสำคัญ สามารถขอ(รูป)สำเนาบัตรประชาชนพนักงานหรือข้อมูลพื้นฐานไว้ก่อน
11. ชำระเงินมัดจำผ่านช่องทางที่ปลอดภัย
ถ้าต้องโอนเงิน ให้ใช้บัญชีชื่อบริษัทหรือบัญชีที่สามารถตรวจสอบได้ ไม่ควรโอนเข้าบัญชีบุคคลธรรมดาที่ไม่มีข้อมูลอ้างอิง
12. หลีกเลี่ยงการโอนเงินเต็มจำนวนก่อนเห็นบริการจริง
อย่าโอนค่าบริการทั้งหมดล่วงหน้า รอจ่ายส่วนที่เหลือหลังจากขนย้ายเสร็จจะดีกว่า
13. อย่าหลงเชื่อโปรโมชั่นเกินจริง/ราคาถูกเว่อร์
ราคาถูกผิดปกติ หรือโปรโมชั่นเวอร์วังเกินไป ต้องระวัง เพราะอาจเป็นกับดัก
14. ถามหาอุปกรณ์และวิธีแพ็กของ (เน้นความปลอดภัย)
ดูว่าบริษัทมีอุปกรณ์ช่วยขนย้ายครบไหม เช่น ผ้าคลุม กล่องและอุปกรณ์กันกระแทก รถเข็น ฯลฯ ช่วยลดความเสียหายระหว่างขนย้าย
15. เช็กประสบการณ์และระยะเวลาทำธุรกิจ
ดูว่าบริษัทเปิดมานานแค่ไหน มีผลงานหรือภาพเคสงานจริงให้ดูบ้างไหม ยิ่งมีประสบการณ์มาก ยิ่งมั่นใจได้
16. ขอดูรูปภาพรถและพนักงานก่อนวันขนย้าย
ขอดูรูปจริงของรถและทีมงานที่จะมาวันขนย้าย เพื่อลดโอกาสโดนสวมรอยหรือส่งทีมงานปลอมมาแทน
17. ตรวจสอบช่องทางติดต่อ (โทร, Line, FB, เว็บไซต์)
บริษัทที่ดีควรมีหลายช่องทางในการติดต่อ หากเกิดปัญหาจะได้ติดต่อได้สะดวกและรวดเร็ว
18. ระบุเวลานัดหมายและหน้างานให้ชัดเจน
ตกลงเวลา วัน และสถานที่อย่างละเอียด พร้อมเบอร์ติดต่อสำรอง เพื่อป้องกันปัญหามาสายหรือหลงทาง
19. ทำเช็กลิสต์รายการของก่อน-หลังขนย้าย
จดรายละเอียดสิ่งของทุกชิ้นก่อนขึ้นรถ และตรวจสอบอีกครั้งหลังขนย้ายเสร็จ เพื่อป้องกันของสูญหายหรือขาดหาย
20. ถ่ายรูป/บันทึกสภาพของก่อนส่งขึ้นรถทุกครั้ง
ถ่ายภาพของทุกชิ้นก่อนแพ็กขึ้นรถ จะช่วยเป็นหลักฐานกรณีเกิดความเสียหาย หรือมีปัญหาหลังขนย้าย

สัญญาณเตือน! บริษัทขนของไม่น่าไว้ใจ
1. คุยแต่ทางแชท ไม่มีเบอร์โทรหรือที่อยู่ชัดเจน
ถ้าบริษัทให้ติดต่อเฉพาะทางไลน์หรือแชทเท่านั้น ไม่มีเบอร์ติดต่อ ไม่มีเว็บไซต์ หรือที่ตั้งออฟฟิศที่ตรวจสอบได้ แบบนี้ควรระวังเป็นพิเศษ เพราะหากเกิดปัญหา อาจติดต่อใครไม่ได้เลย
2. เร่งรีบให้โอนเงิน หรือขอชำระเงินเต็มจำนวนก่อน
เจอบริษัทที่พูดจารีบเร่ง กดดันให้โอนเงินทันที หรือขอชำระเงินเต็มจำนวนก่อนวันขนย้าย แบบนี้มีโอกาสโดนโกงสูง แนะนำให้หาบริษัทที่มีการเก็บเงินปลายทาง หรือมัดจำและจ่ายส่วนที่เหลือหลังงานเสร็จ
3. โปรโมชั่นถูกกว่าปกติแบบไม่น่าเชื่อ
ถ้าเจอราคาถูกเกินจริงหรือมีโปรโมชั่นล่อใจ เช่น ขนย้ายบ้านทั้งหลัง 500 บาท ควรสงสัยไว้ก่อน เพราะบริษัทรับจ้างจริง ๆ จะคิดราคาตามมาตรฐานและต้นทุนที่เหมาะสม
4. ไม่มีเอกสารหรือสัญญาใด ๆ
ถ้าบริษัทไม่ออกใบเสนอราคา ไม่ทำสัญญาหรือใบเสร็จรับเงินอะไรให้เลย แบบนี้ควรหลีกเลี่ยง เพราะถ้ามีปัญหา จะไม่มีหลักฐานไว้เรียกร้องความรับผิดชอบ
5. ข้อมูลในโซเชียลไม่ตรงกัน หรือเปลี่ยนชื่อบ่อย
บริษัทที่มีข้อมูลในโซเชียลไม่ตรงกัน เช่น ใช้ชื่อเพจหลายเพจ ชื่อบริษัทเปลี่ยนไปเปลี่ยนมา หรือเพิ่งสร้างเพจใหม่ไม่นาน ไม่มีรีวิว ควรระวังให้มาก เพราะอาจเป็นบริษัทที่เคยมีปัญหากับลูกค้าแล้วหนีไปเปิดใหม่
6. ไม่ยอมให้ดูรถหรือทีมงานก่อนวันขนย้าย
ถ้าขอดูรูปพนักงานหรือรถที่ใช้จริงแล้วถูกบ่ายเบี่ยง หรือให้คำตอบไม่ชัดเจน แบบนี้ควรพิจารณาใหม่ เพราะมีโอกาสเป็นทีมงานสวมรอยหรืออาจไม่มีรถจริง
7. ตอบคำถามคลุมเครือ ไม่เคลียร์รายละเอียดบริการ
หากสอบถามราคา รายละเอียดบริการ หรือประกันความเสียหายแล้วได้คำตอบกำกวม ไม่เจาะจง หรือเลี่ยงที่จะตอบ นั่นคือสัญญาณเตือนว่าบริษัทอาจไม่โปร่งใส
8. ไม่มีรีวิวจากลูกค้าจริง หรือเจอแต่รีวิวปลอม
บริษัทที่ไม่มีรีวิวเลย หรือมีแต่รีวิวหน้าตาคล้ายกันหมด (เช่น รูปโปรไฟล์ไม่มีตัวจริง, รีวิวสั้น ๆ ซ้ำ ๆ) อาจเป็นรีวิวปลอม สังเกตง่าย ๆ หากบริษัทดีจริงควรมีรีวิวลูกค้าจริงหลากหลาย
9. เสนอราคาหน้างานแพงขึ้นโดยไม่มีเหตุผล
ถ้าบริษัทแจ้งราคาหน้างานสูงขึ้นจากที่ตกลงไว้ โดยไม่มีเหตุผลหรือหลักฐานชัดเจน เป็นพฤติกรรมที่ควรระวัง เพราะบางเจ้าตั้งใจใช้วิธีนี้ในการโก่งราคาลูกค้า
10. ไม่สนใจรายละเอียดความปลอดภัยของของ
ถ้าบริษัทไม่ถามถึงของที่จะขน ไม่พูดเรื่องการแพ็กของหรือประกันความเสียหายเลย แสดงว่าใส่ใจแค่จะได้เงิน ไม่สนใจคุณภาพบริการและความปลอดภัยของทรัพย์สินลูกค้า
เห็นสัญญาณเหล่านี้เมื่อไร แนะนำให้มองหาผู้ให้บริการเจ้าอื่นทันที เพื่อความสบายใจและปลอดภัยของทรัพย์สินคุณเองครับ!

สรุป & ข้อควรระวัง…
การเลือกบริษัทขนของที่ดี สำคัญกว่าค่าบริการถูก
หลายคนอาจคิดว่า “ขนของแค่รอบเดียว เดี๋ยวก็จบ” แต่ความจริงแล้ว ถ้าเลือกบริษัทผิด ชีวิตอาจวุ่นวายกว่าที่คิด ทั้งเสียเวลา เสียเงิน และความรู้สึก และบางครั้งยังต้องตามของที่หายหรือเสียหายอีก การเลือกบริษัทขนย้ายที่เชื่อถือได้จึงสำคัญมาก แม้ราคาจะสูงกว่าบางเจ้าบ้าง แต่ถ้าได้รับบริการดี ได้ความสบายใจ ก็ถือว่าคุ้มค่า
5 ข้อควรระวังก่อนตัดสินใจจ้าง
- อย่าดูแค่ราคาถูกเพียงอย่างเดียว
ราคาถูกเกินไปอาจมีข้อแม้แฝง หรือเสี่ยงโดนโกงได้ง่าย - อย่าโอนเงินเต็มจำนวนก่อนขนย้าย
ควรมัดจำบางส่วน และชำระที่เหลือหลังงานเสร็จ - อ่านรีวิวจากหลายแหล่ง
อย่าดูรีวิวเฉพาะในเพจเดียว ลองเช็กในกลุ่มหรือเว็บอื่น ๆ ด้วย - ตรวจสอบที่อยู่-เบอร์ติดต่อให้แน่ใจ
บริษัทมืออาชีพต้องมีข้อมูลติดต่อชัดเจน ไม่ใช่แค่เฟซบุ๊กอย่างเดียว - ถามรายละเอียดทุกขั้นตอนให้ครบ
ตั้งแต่ขนาดรถ จำนวนพนักงาน วิธีแพ็กของ ไปจนถึงประกันความเสียหาย
เลือกบริษัทที่ใส่ใจ ดีกว่าเสี่ยงกับปัญหา
สุดท้ายแล้ว อย่ารีบด่วนตัดสินใจเพราะราคาหรือโปรโมชั่น ถามให้ครบ ตรวจสอบให้แน่ใจ แล้วค่อยตกลงจ้าง ย้ายบ้านรอบนี้จะได้จบแบบแฮปปี้ ไม่มีดราม่าตามหลังแน่นอน!….
คำแนะนำเพิ่มเติม
ช่องทางแจ้งเหตุหรือร้องเรียน หากโดนโกง
หากเกิดปัญหา เช่น บริษัทไม่มาตามนัด ของหาย ของเสียหาย หรือถูกโกงเงิน สามารถแจ้งความหรือร้องเรียนได้ที่
- สถานีตำรวจท้องที่: เก็บหลักฐานทุกอย่าง เช่น สลิปโอนเงิน ข้อความแชท รูปถ่าย
- ศูนย์รับเรื่องร้องเรียนสำนักงานคณะกรรมการคุ้มครองผู้บริโภค (สคบ.): โทร 1166 หรือ www.ocpb.go.th
- กรมการขนส่งทางบก: โทร 1584 หรือ www.dlt.go.th
- กลุ่ม Facebook หรือเว็บบอร์ดแจ้งเตือนภัย: เช่น กลุ่ม “เตือนภัยรถรับจ้าง” เพื่อเตือนผู้อื่นและหาทางออกร่วมกัน
ลิงก์และแหล่งข้อมูลสำหรับตรวจสอบบริษัท
- ค้นชื่อบริษัท/เพจใน Google เพื่อตรวจสอบประวัติ
- เช็กรีวิวใน Pantip, Facebook, Google Maps
- ตรวจสอบเลขทะเบียนบริษัทหรือเลขประจำตัวผู้เสียภาษีในกรมพัฒนาธุรกิจการค้า www.dbd.go.th
เคล็ดลับเล็ก ๆ ก่อนย้ายบ้าน
- เขียนรายการของ แยกหมวดหมู่ และติดป้ายกล่องให้ชัดเจน
- ถ่ายรูปของสำคัญก่อนแพ็กขึ้นรถ
- นัดหมายล่วงหน้าอย่างน้อย 7 วัน โดยเฉพาะช่วงปลายเดือน
- เตรียมเบอร์ติดต่อสำรองของพนักงาน/หัวหน้าทีมขนย้าย
- อย่าลืมแจ้งเพื่อนบ้านหรือฝ่ายนิติบุคคลล่วงหน้า ถ้าอยู่คอนโด/หมู่บ้าน
ถ้าใครเคยใช้บริการกับบริษัทไหนแล้วประทับใจ หรือมีประสบการณ์ที่อยากเตือนเพื่อน ๆ สามารถแชร์ไว้ใต้โพสต์นี้ได้เลย หรือถ้ามีคำถามเพิ่มเติมเกี่ยวกับการย้ายบ้าน ทิ้งไว้ได้เช่นกัน เราพร้อมช่วยหาคำตอบให้ครับ…